แก่นธรรมพระพุทธศาสนา
หลักธรรมในพระพุทธศาสนา
หัวใจพระพุทธศาสนา นั้นคือ อริยสัจสี่ ปฏิจจสมุปบาท อิทัปปัจจยตา ตถาตา ธรรม เหล่านี้คือหัวใจของพระพุทธศาสนา ถือเป็นเรื่องเดียวกันแต่กล่าวในรายละเอียดต่างกัน การได้ลงมือปฏิบัติแล้วถึงจะทราบได้ว่า เรื่องเหล่านี้คือเรื่องเดียวกัน
อริยสัจ 4
อริยสัจ 4 ประกอบด้วย ทุกข์ สมุหทัย นิโรธ มรรค
ทุกข์ คือ ความทุกข์ ความแปรปรวน ตั้งอยู่ไม่ได้
สมุหทัย คือ เหตุที่ทำให้เกิดความทุกข์
นิโรธ คือ การที่ทุกข์ดับลงไป จะให้เข้าใจง่ายๆ นั่นก็คือ ความสุข ซึ่งเป็นความสุขสูงที่สุด เหนือกว่าความสุขใดๆ ทั้งสิ้น พระพุทธศาสนามีเป้าหมายสูงสุด เพื่อให้เราได้รับความสุขขั้นสูงสุด
มรรค นั้นคือ หนทางดับทุกข์ หรือให้เข้าใจ ง่ายๆ ก็คือ เหตุแห่งสุข...... หนทางปฏิบัติเพื่อการดับทุกข์นั้น.....มี 8 อย่าง ......เรียกว่ามรรคมีองค์แปด
คน ไทยเราโชคดี ......ที่พระพุทธองค์ทรงชี้ให้เห็นแล้ว ว่าวิธีที่ทำให้ตนเองประสบความสำเร็จบรรลุมรรคผล นั่นมีเพียงแค่ 8 ข้อเท่านั้นเอง................ 8 ข้อนั้นมีอย่างไร.....
อริยมรรคมีองค์ 8
มี 8 ประการดังต่อไปนี้
- สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ
- สัมมาสังกับโป ดำริชอบ
- สัมมาสังกับโป ดำริชอบ
- สัมมาวาจา พูดจาชอบ
- สัมมาอาชีโว เป็นอยู่ชอบ เช่น มีอาชีพสุจริตชอบ
- สัมมากัมมันโต การงานชอบ
- สัมมาวายาโม ความเพียรชอบ
- สัมมาสติ สติชอบ
- สัมมาสมาธิ สมาธิชอบ
ผู้ปฏิบัติธรรม ไม่ควรกล่าวเรื่องไม่มีประโยชน์
แต่จงพยายามกล่าวแต่เรื่อง......ทำอย่างไรเราจึงดับทุกข์.... ของเราลงได้ ....
ซึ่งวิธีการ นั้น พระพุทธองค์ได้สั่งสอนให้กับพวกเราแล้ว....แต่ดูเหมือนว่าผมและเพื่อนๆ ร่วมทุกข์ผม....ไม่ค่อยสนใจคำสอน
ท่าน เท่าไร .....แต่มักชอบดู ....ฟังรายการทีวีการเมือง ......ดูข่าวขุดคุ้ย ...อ่านข่าวซ้อเซ้อ......อย่างละเอียดละออ.... ราวกับว่ามันจะทำให้ผมเกิดปัญญาญาณ ....พ้นทุกข์ได้...รู้ข่าวสารว่าใครชั่ว ....ใครดี ....ใครเลว......
รู้ ข่าววงใน รู้แล้วไปพูดต่อ ....ราวกับว่าเราเป็นเทพ ผู้หยั่งรู้............ผมรู้ไปหมดทุกคนในสังคม ...แต่ผมไม่เคยรู้ตัวตนของตัวเองเท่านั้นเอง......
... ระวังนะครับ ..... ผมจะตกเป็นเหยื่อ.... ถูกหลอกพากระชาก....ลากพาจิตผมไปเสีย.....จนจิตไม่อยู่กับตัว..... หลงสติน่ะ ..... จนบางทีผมก็ไม่รู้เนื้อ รู้ตัว....ว่าผมกำลังทำไรอยู่ ..นั่งทำงานที่ทำงาน แต่ใจมันไม่ได้อยู่ที่งานที่ทำ...จิตมันส่งออกนอกกาย ....นอกใจไป..... อยู่กับเรื่องราวที่เขานำเสนอ.....ยิ่งตอนบ้านเมืองทะเลาะเบาะแว้งแตก สามัคคีกันด้วย.....ยิ่งโกรธเกลียด ฝ่าย ตรงข้าม ที่เรียกว่า ฝ่ายชั่ว (จิตเหนือดี เหนือชั่วบอกผมว่า ผมหลงอุปทานไปเองว่าเขาชั่ว).....ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ....จิตผมก็เป็นไปในลักษณะนี้อยู่นั่นแหละ....
ผมชักเริ่มสงสัย ......เสพข่าวเหล่านี้มากๆ...... จะทำให้ชีวิตผมเต็มไปความสุขหรือ ....เต็มไปด้วยความทุกข์กันแน่ .....ผมถามตัวเอง
ปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปบาท นั้น แปลว่า ธรรมที่เกิดขึ้นด้วยกันโดยอาศัยกัน หรือ เกิดขึ้นด้วยกันโดยอาศัยกัน
ปฏิจจสมุปบาท มี 12 สาย คือ
สังขาร
วิญญาณ
นามรูป
สฬายตนะ
ผัสสะ
เวทนา
ตัณหา
อุปาทาน
ภพ
ชาติ
ชรา
มรณะ
อิทัปปัจจยตา
อิทัปปัจจยตา คือ เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัย จึงเกิดสิ่งนี้ ซึ่งก็คือ ปฏิจจสมุปบาทนั่นเอง แต่ว่าอิทัปปัจจยตา กล่าวถึงทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุดแล้ว แต่ปฏิจจสมุปบาท ก็คือ อิปทัปปัจจยตา ที่ กล่าวเน้นเฉพาะเรื่องการดับทุกข์
ตถาตา
ความหมายของตถาตาคือ ความที่มันเป็นเช่นนั้นเอง
ปัญญา ศีล สมาธิ
การปฏิบัติ ธรรม ให้สำเร็จโดยง่าย ต้องเรียงลำดับจาก ปัญญา ศีล สมาธิ
แต่สำหรับ คนที่ปัญญา บารมีน้อย ก็ควรที่จะเริ่มต้นจาก รักษาศีล ก่อน
ผมขอกล่าว คร่าวๆ ย่อๆ .......ยังไม่สมบูรณ์ไว้แค่นี้ก่อน .....เมื่อมีเวลาว่าง........จะมาขยายความเพิ่มขึ้น.....
จาก ผม อนัตตา

0 comments:
แสดงความคิดเห็น